8/29/2554

ฟิล์มกันร้อน ฟอร์ด เฟียสต้า รุ่นท็อป 1.6


ฟอร์ด เฟียสต้า รถที่ถูกกล่าวถึงมานานกว่าปี ด้วยข่าวที่มีมาตลอดถึงรถเล็ก ในเซ็กเมนต์ของรถซิตี้คาร์บ้านเราที่ค่ายฟอร์ดเตรียมตัวจะส่งออกมาลงสู้ศึกในตลาดรถยนต์ นับได้ว่าเป็นตลาดที่มีการแข่งขันที่ดุเดือดลำดับต้น ๆ ของบ้านเรา ด้วยระดับราคาที่ไม่สูงมากนัก อยู่แถว 5-7 แสนบาท อันเป็นช่วงราคาที่เอื้อต่อการเป็นเจ้าของของคนในวัยเริ่มต้นการทำงาน ไปจนถึงกลุ่มนักศึกษา ด้วยเหตุนี้เอง หลาย ๆ บริษัทต่างพยายามเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งในตลาดนี้กันอย่างดุเดือด


ฟอร์ด เฟียสต้า ใหม่ เปิดตัวในบ้านเราภายใต้การผลิตจากโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ ที่ จ.ระยอง ด้วยมาตรฐานระดับสากล เพื่อนำออกจำหน่ายทั้งในบ้านเราและยังมีการส่งออกไปขายยังประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคอาเซียนอีกด้วย สำหรับในบ้านเรา ฟอร์ด เฟียสต้า ใหม่ เปิดตัวพร้อมกันถึง 2 เวอร์ชั่น ที่มีให้เลือกใช้งานกันทั้งในแบบ 4 ประตู และแบบ 5 ประตู ตามความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค นอกเหนือจากรูปลักษณ์ที่แตกต่างของแบบ 4 ประตู และแบบ 5 ประตูแล้ว ในเรื่องของเครื่องยนต์ยังมีมาให้เลือกใช้งานถึง 2 ขนาด โดยเริ่มจากรุ่นเล็กสุดในรุ่น 1.4 ลิตร ไปจนถึงรุ่นใหญ่อย่างรุ่น 1.6 ลิตร ที่มาพร้อมเกียร์ PowerShift แบบ 6 สปีด หากจะว่าไปแล้ว เฟียสต้า ใหม่ สามารถแบ่งออกได้เป็น 7 รุ่น โดยแบ่งจากแบบของตัวถัง ขนาดของเครื่องยนต์และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่แตกต่างกัน อย่างในเวอร์ชั่น 4 ประตูนั้น จะมีอยู่ด้วยกันถึง 4 รุ่น เริ่มตั้งแต่รุ่นเล็กสุด 1.4 Style MT, 1.4 Style AT, 1.6 Trend PowerShift และ 1.6 Sport PowerShift ส่วนในเวอร์ชั่น 5 ประตูจะมีอยู่ด้วยกันถึง 3 รุ่น เริ่มตั้งแต่ 1.4 Style AT, 1.6 Trend PowerShift ไปจนถึงรุ่นสูงสุด 1.6 Sport PowerShift จะเห็นได้ว่าในเวอร์ชั่น 5 ประตูนั้น จะไม่มีรุ่นเกียร์ธรรมดาเหมือนในเวอร์ชั่น 4 ประตูมาให้เลือกใช้

8/01/2554

ฟิล์มใสกันรอย

พลาสติกใส พลาสติกม้วน พลาสติกพีวีซีใส พลาสติกใส PVC แบบม้วน พลาสติกห่อของ ฟิล์มยืด ฟิล์มหด ฟิล์มใสติดกระจกกันรอยพลาสติกใส ใช้ในงานห่อหุ้มต่างๆ ห่อสินค้า ห่อเฟอร์นิเจอร์ ห่อเครื่องเสียง ห่อเครื่องใช้ไฟฟ้า ห่อโทรศัพท์มือถือ ห่อสินค้า คลุมเครื่องจักร ติดป้องกันสีรถยนต์เป็นรอย รองเครื่องจักร หุ้มที่นอน หุ้มเบาะ ใช้ห่อวัสดุเพื่อป้องกันสินค้าเป็นรอยเมื่อห่อแล้วสินค้า
ดูใหม่แวววาวอยู่เสมอ มีชนิดเนื้อเหนียวนิ่ม เเละ เนื้อเเข็ง ตามความต้องการของผู้ใช้ มีทั้งชนิดมีกาว



คุณสมบัติการใช้งาน
- ห่อ ติดเพื่อป้องกันสินค้าเปรอะเปื้อน, แพ็คงานส่งออก ติดสินค้าเพื่อป้องกันฝุ่น 
เหมาะสำหรับป้องกันรอยเฟอร์นิเจอร์ คลุมสินค้าทั้งแบบที่ไม่ต้องการ หรือต้องการยึดแนบสินค้า ฟิล์มพลาสติกใสใช้ในอุตสาหกรรม ห่อสินค้า หุ้มเบาะ 
-ติดกระจก ติดไม้ ติดอลูมิเนียม ติดเหล็ก ติดวัสดุผิวเรียบ ป้องกันการขีดข่วน หรือเป็นรอย

คุณสมบัติของฟิล์มใสกันรอยไร้คราบกาว
เนื้อฟิล์มใส ทำจากโพลียูรีเทน หนา 200 ไมครอน มีความเหนียวนุ่ม ไม่ฉีกขาดง่าย ใช้ติดตั้งบริเวณที่ต้องการปกป้องเช่น ตัวถังรถยนต์ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องจักร เครื่องใช้ไฟฟ้ พลาสติก กระจก ไม้ เหล็ก อลูมิเนียม  ไฟเบอร์ หินแกรนิต ช่วยปกป้องพื้นผิววัสดุจากรอยขีดข่วน
รอยกระแทกจากเศษหิน หรือของแข็งต่างๆที่จะมากระทบ กัยพื้นผิววัสดุที่ท่านรัก รวมถึงป้องกันขี้นกหรือสารเคมีที่อาจเป็นอันตรายต่อพื้นผิว สามารถยึดเกาะ บนผิวด้วยชั้นกาวชนิดพิเศษ ซึ่งจะไม่ทิ้งคราบกาวเวลาลอกออก อีกหนึ่งสิ่งสำคัญคือ เพิ่มการปกป้องให้กับบริเวณที่ใช้งานบ่อยที่สุด และเสี่ยงที่สุดต่อการเกิดรอยขีดข่วน ไม่ว่าจะเป็นจากเล็บมือ แหวน หรือหมา แมว เศษหิน หรือการกระทบกระแทก ต่างๆ ป้องกันได้ง่ายๆ ด้วยฟิล์มสูญญากาศใสปกป้องพื้นผิวจาก 3Gออกแบบและผลิตมาให้เข้ากับสิ่งของที่ท่านรักและต้องการปกป้องจากริ้วรอยต่างๆ สามารถติดตั้งเองได้ง่าย
ขนาด 152cm x 5m

ฟิล์มกันรอย http://www.vctechfilm.com/wrap.html

บริษัท พีเอสเอ็มเทคโนโลยี จำกัด
OFFICE 2สาขา ติดถนนกาญจนาภิเษกรังสิต และ นวลจันทร์56

ติดต่อ สอบถาม หรือสั่งซื้อ Line ID:@vctech
ติดต่อ งานด้านโฆษณา และประชาสัมพันธ์ Line ID:vctechpr
ติดต่อ งานด้านบัญชี สมัครตัวแทนจำหน่าย Line ID: vctech
สั่งซื้อด่วน โทร 094-6969569

6/29/2554

ฟิล์มกรองแสง สำหรับรถยนต์ TOYOTA FORTUNER



เทคโนโลยีใหม่ ทั้ง VSC, TRC, BA รุ่นดีเซล ใช้น้ำมันดีเซลชนิด B5 ได้

ภายนอกปรับเปลี่ยน กระจังหน้าและไฟหน้าดีไซน์ใหม่ มาพร้อมโคมไฟแบบโปรเจกเตอร์


ให้ความรู้สึกแบบสปอร์ต ส่วนไฟท้ายเป็นแบบโคม สีแดง-ขาว พ่วงสปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรก LED เรียบหรู ล้อแมกซ์อัลลอยลายใหม่ และยางขนาดใหญ่กว่าเดิม 265/65R17 กระจกมองข้างแบบปรับและพับเก็บด้วยระบบไฟฟ้า (Electrical Retraction)

สำหรับภายใน คอนโซลหน้าสีสันแบบ Sand-beige พร้อมลายไม้ดีไซน์ใหม่ (ใน เกรด V) และแบบสีเงินเมทัลลิค (ในเกรด G) และแผงควบคุมเครื่องปรับอากาศด้านหน้าแบบ อัตโนมัติพร้อมจอแสดงผลแบบดิจิตอล เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน (เฉพาะเกรด V)

และยังเด่นด้วยแอร์ด้านหลัง แบบ 2 ตอนบนเพดาน เต็มสมรรถนะของการทำความเย็นด้วยช่องแอร์ถึง 8 จุด พร้อมสวิตช์ปรับความแรงพัดลม ให้ความเย็นสบายทั่วถึงทั้งห้องโดยสารตลอดทั้งคัน เบาะที่นั่งคนขับปรับระดับด้วยไฟฟ้า (Power Driver Seat) ปรับได้ 6 ทิศทาง พร้อมเพิ่มระดับความนุ่มของเบาะนั่งอีก 10% ช่วยให้เบาะมีความนุ่ม นั่งสบาย ลดความเมื่อยล้าตลอดการขับขี่ พร้อมทีเด็ด ระบบนำทาง Navigator, บลูทูธ (เฉพาะรุ่น3.0V 4WD Navi) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control (* เฉพาะรุ่น 3.0 V Navi และ 3.0 V)

ระบบเครื่องเสียงใหม่เช่นกันโดยเป็นแบบ 2 Din เล่นวิทยุซีดี MP3+WMA พร้อมระบบเสียง ASL ปรับระดับเสียงอัตโนมัติ ตามความเร็วของรถพร้อมสวิตช์ควบคุมการทำงานของระบบเครื่องเสียงและจอแสดงข้อมูลการขับขี่ที่พวงมาลัยซึ่งจอสามารถแสดงผลข้อมูลการขับขี่ได้ครบถ้วนไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิภายนอกห้องโดยสาร, ค่าเฉลี่ยการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง, อัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงขณะขับขี่, ความเร็วเฉลี่ย, ระยะเวลาที่ใช้ในการขับขี่, ระยะทางที่สามารถวิ่งต่อไปได้จากน้ำมันที่เหลืออยู่ในถัง และเข็มทิศสำหรับทิศทางการขับขี่



ด้านความปลอดภัย ถือเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับรถพีพีวี ด้วยอุปกรณ์ความปลอดภัยเทียบเท่ารถยนต์นั่งขนาดกลางไม่ว่าจะเป็น ระบบควบคุมการทรงตัว VSC (เจเนอเรชันที่ 2) ที่พัฒนาขึ้นใหม่ และทำงานร่วมกับระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC และระบบเบรก ABS พร้อมดิสก์เบรกหน้าใหม่ ขนาด 16 นิ้ว เพิ่มประสิทธิภาพการเบรกที่ดีขึ้น

รวมถึงระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake-force Distribution) เพิ่มเสถียรภาพการทรงตัวขณะเบรก และ ระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist) เพิ่มประสิทธิภาพในการเบรก ช่วยให้ระยะเบรกสั้นลง (เฉพาะรุ่น 3.0V)

นอกจากนั้น โช้กอัพยังได้รับการปรับแต่งให้นุ่มนวล เพื่อความสบายทุกการขับขี่ ด้วยการปรับลดความหนืดของโช้กอัพลง 20% โดยช่วงล่างด้านหน้ายังคงเป็นแบบอิสระดับเบิลวิชโบน คอยล์สปริงพร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็นแบบ โฟร์ลิงก์ คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันเพลาหลังและแขนยึดด้านล่าง


ขณะที่เครื่องยนต์ยังเป็นสเปกเดิม 2 ทางเลือก คือ เบนซิน 2.7 ลิตร VVT-i กำลังสูงสุด 160 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 241 นิวตัน-เมตร ที่ 3,800 รอบ/นาที และ ดีเซล 3.0 ลิตร ดี4ดี เทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ กำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 343 นิวตัน-เมตรที่ 1,400-3,200 รอบ/นาที ที่ได้รับการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์บางชิ้นให้สามารถรองรับเชื้อเพลิงดีเซลชนิด B5 พร้อมการการันตีอย่างเป็นทางการครั้งแรกของโตโยต้าว่าสามารถใช้เชื้อเพลิงชนิด B5 ได้

ขายส่ง และจำหน่าย ฟิล์มกรองแสงกันความร้อน สำหรับรถยนต์และอาคาร ยินดีต้อนรับตัวเเทนจำหน่ายฟิล์มรถยนต์ ฟิล์มอาคาร
ทั่วประเทศ จำหน่ายขายส่งเป็นม้วน จัดส่งฟรี พร้อมแถมอุปกรณ์ติดตั้ง ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ ฟิล์มกรองแสงอาคาร สำหรับประดับยนต์

6/25/2554

ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ Honda CR-V


Honda CR-V เป็นรถ SUV รุ่นเล็กของ ค่ายฮอนด้า ซึ่งนอกจากรูปลักษณ์ทั้งภายในและภายนอกที่เปลี่ยนไปแล้ว ในครั้งนี้ฮอนด้ายังได้ปรับปรุงสมรรถนะของ Honda CR-V รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อให้สูงขึ้นโดยได้นำเอาเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร 170 แรงม้าบล็อกเดียวกับที่ติดตั้งในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อมาใช้เพื่อสนองความต้องการของลูกค้าที่อยากได้รถเอสยูวีเครื่องแรง ๆ แต่ไม่เน้นลุย


สำหรับฮอนด้า Honda CR-V ขับเคลื่อน 2 ล้อที่ขายอยู่ในปัจจุบันจะมี 2 รุ่น คือ รุ่น 2.0S ราคา 1.13 ล้านบาท และรุ่น 2.4EL 2WD ราคา 1.424 ล้านบาท ส่วนบรรดาคู่แข่งที่ตรงรุ่นกับ Honda CR-V ขับเคลื่อน 2 ล้อนั้นก็คือ ฟอร์ด เอสเคป รุ่นเอ็กซ์แอลที 2.3 แอล 4×2 เอที ราคา 1.179 ล้านบาท และ เชฟโรเลต แคปติวา 2.4 แอลเอส ราคา 1.197 ล้านบาท

ที่คอนโซลหน้าการจัดวางอุปกรณ์และปุ่มควบคุมอยู่ในระยะที่ใช้งานง่าย ยกเว้นปุ่มควบคุมระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สายที่ติดตั้งอยู่ตรงเสาเก๋ง ด้านหน้าขวานั้น ไม่ว่าจะใช้มือข้างไหนไปเปิดก็ไม่รู้สึกถนัดเลย น่าจะหาที่ติดไว้บนคอนโซลหน้าจะดีกว่า อุปกรณ์อำนวยความสะดวกอีกอย่างที่ฮอนด้าใส่เพิ่มมาให้ในรถรุ่นนี้ก็คือ ระบบนำทางด้วยดาวเทียม ซึ่งใช้งานค่อนข้างยากและหน้าจอก็มองเห็นไม่ชัดเจน เพราะถูกแสงแดดที่ส่องผ่านกระจกหน้าตกกระทบจนเป็นเงาสะท้อน

ด้านสมรรถนะของเครื่องยนต์ 2.4 ลิตรรุ่นนี้ ช่วงเร่งออกตัวทำได้ว่องไวขึ้น อัตราเร่งแซงช่วง 60-100 กม./ชม.ทันอกทันใจดี แต่หลังจากนั้นจะอืด ๆ หน่อยจนความเร็วทะลุ 120 กม./ชม.ขึ้นไปจะรู้สึกได้ว่ามีการตอบสนองได้ดีอีกครั้ง สำหรับจังหวะการเปลี่ยนเกียร์นิ่มนวลดี อัตราการกินน้ำมันเฉลี่ย แล้วอยู่ที่ 10-11 กม./ลิตร

การทำงานของระบบช่วงล่างที่ความเร็วสูง ๆ มีความมั่นคงอยู่ในระดับที่ดีน่าพอใจ ส่วนในเส้นทางโค้งรูปตัวเอส (S) พวงมาลัยมีการตอบสนองที่แม่นยำและน้ำหนักกำลังดี สำหรับอาการท้ายโยนมีบ้างแต่ไม่ถึงกับทำให้เสียการทรงตัว ซึ่งอันนี้ถือเป็นเรื่องปกติของรถที่มีช่วงหลังคาสูง ตอนเลี้ยวกลับรถรัศมีวงเลี้ยวก็แคบมาก สามารถกลับรถบนทาง 2 เลนที่มีไหล่ได้สบาย ๆ การทำงานของระบบเบรกมีระยะหยุดรถที่ปลอดภัย และแม้จะลองเหยียบเบรกอย่างกะทันหัน จนระบบป้องกันล้อล็อกตายทำงาน ก็ยังสามารถหมุนพวง มาลัยเปลี่ยนทิศทางของรถได้โดยไม่เสียการทรงตัว

สรุปโดยรวมข้อดีของ Honda CR-V 2.4EL 2WD คือสมรรถนะของเครื่องยนต์และอุปกรณ์ติดรถดีขึ้น อัตราการกินน้ำมันน้อยลง เพราะเมื่อไม่มีชุดขับหลังน้ำหนักก็เบาลงและยังไม่ต้องรับภาระการขับชุดเฟืองท้ายด้วย สุดท้ายราคาถูกกว่าตัวขับเคลื่อน 4 ล้อ อยู่ถึง 89,000 บาท

ข้อมูลเทคนิค Honda CR-V 2.4EL 2WD
•มิติ (ยาว/กว้าง/สูง) 4,565/1,820/1,680 มม.
•แบบเครื่องยนต์ 4 สูบ 16 วาล์ว
•ความจุกระบอกสูบ 2,354 ซีซี
•กำลังสูงสุด 170 แรงม้า ที่ 5,800 รอบ/นาที
•แรงบิดสูงสุด 220 นิวตัน-เมตร ที่ 4,200 รอบ/นาที
•เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
ฟิล์มกรองแสง, ฟิล์มกันความร้อน, ฟิล์มรถยนต์, ฟิล์มอาคาร,ฟิล์มกันร้อน, ฟิล์ม

ฟิล์มรถยนต์ HANDA YARIS


โตโยต้า ยาริส เป็นรถยนต์ขนาดเล็กกระทัดรัด ของโตโยต้า เป็นรถยนต์รถยนต์ที่ท้ายสั้น โตโยต้า ยาริส ผลิตมาเพื่อทดแทนรถรุ่น โตโยต้า สตาร์เล็ต (Toyota Starlet) ซึ่งได้เลิกผลิตไป เกือบ 10 ปีแล้ว ซึ่ง เป็นรถรุ่นแรกๆ ที่มีขนาดเล็ก และมีโครงตัวถังแบบ hatchback (ท้ายกุด ไม่มีกระโปรงหลัง) ที่เข้ามาขายในประเทศไทย ซึ่งก็มีกระแสตอบรับมาบ้างในเรื่องของความประหยัดน้ำมัน และความกระทัดรัดขับง่าย แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จนัก เนื่องจากคนไทยในช่วงนั้น ไม่ไว้วางใจในความปลอดภัยของรถรุ่นสตาร์เล็ต เพราะเกรงว่าผู้โดยสารที่นั่งหลังจะได้รับอันตรายได้ง่ายหากถูกชนท้าย จนเลิกผลิตไปในที่สุด

ปีเดียวกับที่สตาร์เล็ตเลิกผลิต ทางโตโยต้าก็ได้นำยาริสเข้ามาแทนที่ ด้วยการออกแบบโดย Sotiris Kovos นักออกแบบชาวกรีก ที่ทำให้ยาริสมีระบบความปลอดภัยที่ดีกว่า และดูทันสมัยขึ้น ทำให้ยาริสเป็นที่นิยม และมียอดขายดีกว่าสตาร์เล็ต

6/21/2554

ฟิล์มกรองเเสง สำหรับรถยนต์ ฮอนด้า แจ๊ซ


รูปรถ ฮอนด้า แจ๊ซ โฉมใหม่ โดยมาพร้อมสไตล์ที่โฉบเฉี่ยวแบบสปอร์ตยิ่งขึ้น นี่เป็น เจนเนอเรชั่น 2 ของ ฮอนด้า แจ๊ซ รถแฮทช์แบ็ค 5 ประตู ซึ่งได้รับการออกแบบที่ล้ำหน้า ให้การขับขี่ที่สนุก ประหยัดน้ำมัน เพิ่มห้องโดยสารให้กว้างขวาง และเพิ่มวิสัยทัศน์ในการขับขี่ที่ดีขึ้น เหมาะกับคนรุ่นใหม่และคนที่มีหัวใจหนุ่มสาว ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูโฉบเฉี่ยว และสามารถใช้ได้กับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ที่ประหยัดน้ำมัน
ภายในห้องโดยสารสามารถปรับที่นั่งได้หลายรูปแบบ ด้วยที่นั่งแบบ ‘อัลตราซีท’ ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างอิสระ ซึ่งมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร i-VTEC ให้กำลังสูงสุด 120 แรงม้า

5/19/2554

ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ NISSAN TIIDA

ฟิล์มรถยนต์ ฟิล์มกันความร้อน นิสสันทิด้า(NISSAN TIIDA) เป็นเครื่องยนต์แบบ 4 cyl in-line DOHC 16V CVTC ระบบโครงสร้างนิรภัย Zone body concept ระบบพวงมาลัยแบบ แร็ค แอนด์ พิเนี่ยน พร้อมระบบเพาเวอร์ควบคุมด้วยไฟฟ้า ล้ออัลลอยด์ 15 นิ้ว ทีด้า ได้รับการออกแบบให้มีด้วยกัน 2 รุ่น คือ รุ่นซีดาน 4 ประตู และรุ่นแฮทชแบค 5 ประตู โดยใน “รุ่นซีดาน” จะเน้นความหรูหรา-ล้ำสมัย ผ่านกระจังหน้าที่กลมกลืนกับไฟหน้าแบบซีนอนขนาดใหญ่ ส่วน “รุ่นแฮทชแบค” นั้น ให้ความปราดเปรียวในแบบสปอร์ต
อีกจุดเด่นสำคัญอยู่ที่ความกว้างขวาง ซึ่งมองดูจากภายนอกแล้ว ไม่เชื่อว่า..! จะใหญ่และกว้าง แต่เมื่อเข้าสัมผัสดูทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งหลังพวงมาลัย ที่นั่งด้านหน้า หรือส่วนโดยสารด้านหลัง ให้ความสบายกว้างขวางจริง ๆ เมื่อเทียบกับรถระดับเดียวกัน ขณะที่เบาะนั่งตอนหลังสามารถปรับเอียงได้ 40 องศา อีกทั้งสามารถเลื่อนได้ถึง 24 เซนติเมตร ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่รถแฮทชแบคในระดับเดียวกันไม่มี
สำหรับขุมพลังได้พัฒนามาจากรหัส QG โดยมีให้เลือกทั้ง 2 รหัส คือ รหัส HR16DE ขนาด 1,600 ซีซี 109 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และให้แรงบิดสูงสุดที่ 15.6 กิโลกรัมเมตรที่ 4,400 รอบ/นาที และอีกรุ่นคือขนาด 1,800 ซีซี รหัส MR18DE ให้กำลัง 126 แรงม้าที่ 5,200 รอบ/นาที มีแรงบิด 17.7 กิโลกรัมเมตรที่ 4,800 รอบ/นาที ซึ่งเห็นได้ชัดว่า ทั้ง 2 ขนาดมีแรงบิดที่ สูงขึ้น ส่งผลให้อัตราเร่งดีขึ้น และแม้ว่าระบบเกียร์ของทีด้าจะยังไม่เป็น CVT แต่ได้ปรับปรุงเพิ่มช่วงการเปลี่ยนเกียร์ให้กว้างมากขึ้น ส่งผลให้การเปลี่ยนเกียร์นิ่มนวลมากขึ้น นอกจากนี้ทีด้ายังมี OD : Over Drive ที่เพิ่มหรือชดเชยรอบเครื่องยนต์ในขณะเร่งแซงเช่นเดิม

4/12/2554

ฟิล์มกรองเเสง SMARTTEC




บริษัท สมาร์ทเทค เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด เป็นทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านฟิล์มกรองแสง รถยนต์ และฟิล์มอาคารมากว่า 10 ปี ได้เล็งเห็นถึงความจำเป็นในการใช้งาน ประกอบกับผู้บริโภค ยังขาดทางเลือกของผลิตภัณฑ์ฟิล์มกรองแสง ที่มีคุณภาพเหมาะสมกับราคา ฟิล์มกรองแสงที่ไม่มีการโฆษณาชวนเชื่อที่เกินความเป็นจริง รวมถึงการหลอกลวงทั้งสินค้าและคุณสมบัติของฟิล์มกรองแสง ฟิล์มกรองแสงกันความร้อนสมาร์ทเทคจึงขอเป็นทางเลือกใหม่ในการคุ้มครองผลประโยชน์ของผู้บริโภคไม่ว่าจะเป็น ระบบป้องกันการปลอมแปลง หรือระบบ 4 channel print on film (พิมพ์โลโก้บนเนื้อฟิล์ม 4 จุด ซึ่งมากที่สุดในประเทศไทย ณ ปัจจุบัน) โดยจะมีตราสินค้า (โลโก้) และรหัสสินค้าอยู่บนเนื้อฟิล์มกรองแสงที่ติดตั้งบนกระจกทุกแผ่น (อาจยกเว้นกระจกหูช้าง) เพื่อตรวจสอบถึงความถูกต้อง (สามารถลบออกได้อย่างง่ายดายและทางบริษัทมีน้ำยาลบโลโก้ให้) หรือระบบการตรวจวัดฟิล์มกรองแสงด้วยเครื่อง Optical Meter ถึงค่าการลดความร้อนซึ่งเป็นการยืนยันถึงคุณภาพและใช้ในการเปรียบเทียบกับฟิล์มกรองแสงยี่ห้ออื่นๆ ในตลาดได้ ถือเป็นการให้ผู้บริโภคได้ใช้ฟิล์มกรองแสงที่มีประสิทธิภาพเหมาะสม กับราคา ฟิล์มกรองแสงสมาร์ทเทคยังมีเนื้อกาวที่มีคุณสมบัติในการยึดติดที่เหนียวกว่าฟิล์มกรองแสงทั่วไป จึงลดปัญหาในการหลุดร่อนของเนื้อฟิล์ม รวมถึงฟิล์มกรองแสงสมาร์ทเทคยังสามารถลดรังสียูวีได้มากถึง 99% และลดความร้อนจากแสงแดดได้ 50-90% จึงทำให้ ลูกค้าที่ติดตั้งฟิล์มกรองแสงสมาร์ทเทคได้รับความพึงพอใจในตัวสินค้าอย่างสูงสุด

Tungsten cristal30 รุ่นTOP

Tungsten cristal30

ฟิล์มกรองแสงรุ่นTOP  ผลิตขึ้นด้วยเทคโนโลยี Sputtering Multi-Layers Metallizing ซึ่งเป็นการเคลือบเนื้อฟิล์มด้วยโลหะ ที่มีคุณสมบัติกันความร้อนสูง คัดสรรเป็นพิเศษทับซ้อนกันหลายชั้น ทำให้ได้ฟิล์มกรองแสงที่กันความร้อนได้ดีที่สุด  สุดยอดการกันความร้อนด้วยการเคลือบสาร ITO ที่ใช้เคลือบกระจกยานอวกาศ มี คุณสมบัติป้องกันรังสี Infrared ได้สูง และ Tunstenโลหะซึ่งสะท้อนความร้อนได้ดี
  • ไม่กีดกั้นสัญญาณ GPS และ Easy Pass
  • เนื้อฟิล์มเคลียร์ สะท้อนแสงต่ำ
  • เนื้อฟิล์มหนา 2 mil เป็นฟิล์มกึ่งนิรภัย
  • กันความร้อนสูงถึง 92%
  • ดูตัวอย่างเเละสั่งซื้อฟิล์มได้ที่ http://www.vctechfilm.com/factory.html

1/16/2553

ฟิล์มนิรภัย


ฟิล์มนิรภัยจากประเทศอเมริกา ที่ใช้เวลาคิดค้น และพัฒนาขึ้นกว่า 10 ปี เพื่อให้ได้ฟิล์มนิรภัยที่มีคุณสมบัติเฉพาะ มีเนื้อฟิล์มเหนียว ทนทาน และกาวยึดติดกระจกที่แข็งแรงเหนียวแน่นมากกว่าฟิล์มทั่วไป มีคุณสมบัติที่โดดเด่นในเรื่องของการดูดซับแรงกระแทก สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับกระจกได้สูงสุดถึง 500 เท่า จึงสามารถลดความรุนแรงจากการเกิดอุบัติเหตุ ป้องกันอันตรายจากกระจกที่แตกกระจายยังเหมาะสมที่จะใช้ทดแทนลูกกรงเหล็กและเหล็กดัดที่ทำให้การเข้าออกยากลำบากเมื่อเกิดอัคคีภัย อีกทั้งยังคงความสวยงามของรูปแบบบ้านที่ตกแต่งด้วยกระจกและไม่บดบังทัศนียภาพรอบด้านอีกด้วย

ฟิล์มนิรภัย  http://www.vctechfilm.com/safety.html

ฟิล์มกรองแสงสำหรับอาคาร

วัตถุประสงค์ในการติดตั้งฟิล์มสำหรับอาคาร ที่พักอาศัยหรือสำนักงาน
1. การป้องกันภัยจากเศษกระจก โดยใช้ฟิล์มนิรภัย (Safety Film) คือ ในอาคารสูง ฟิล์มนิรภัยจะช่วยยึดกระจกไม่ให้หลุดร่วงลงมาทำอันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สิน ในอาคาร, ที่พักอาศัย เศษกระจกอาจทำอันตรายกับคนที่คุณรักได้ การติดฟิล์มนิรภัยยังมีประโยชน์อื่นๆ ที่ได้รับอีกคือในฟิล์มนิรภัยบางรุ่นมีการเคลือบสารหรือโลหะที่ช่วยในการลดความร้อนจากแสงแดดอยู่ด้วย ฟิล์มกรองแสงสามารถลดรังสีอุลตร้าไวโอเลตหรือรังสียูวีได้กว่า 99% ซึ่งช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังและต้อกระจก ชะลอการซีดจางของอุปกรณ์และเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ภายในอาคาร, ที่พักอาศัย ในระดับที่มีความหนาของเนื้อฟิล์มมากๆ จะสามารถใช้ป้องกันภัยจากกระสุนปืนหรือระเบิดรวมถึงการป้องกันการโจรกรรมได้
2. การป้องกันความร้อน, ประหยัดพลังงาน (Building Film) คือ การติดฟิล์มกรองแสงเพื่อลดความร้อนจากภายนอก เป็นการประหยัดพลังงานโดยตรง และมีประโยชน์อื่นๆ ที่ได้รับคือฟิล์มกรองแสงสามารถลดรังสีอุลตร้าไวโอเลตหรือรังสียูวีได้กว่า 99% ซึ่งช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังและต้อกระจก ฟิล์มกรองแสงสามารถชะลอการซีดจางของอุปกรณ์และเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ภายในอาคาร, ที่พักอาศัย ฟิล์มกรองแสงสามารถสร้างความสวยงามภายนอกและไม่บดบังทัศนวิสัยในการมองจากภายใน สร้างความเป็นส่วนตัว ฟิล์มกรองแสงสามารถลดแสงจ้าจากภายนอก ทำให้รู้สึกสบายสายตา
3. การติดฟิล์มกรองแสงเพื่อตกแต่ง (Decorative Film) ฟิล์มกรองแสงสามารถติดตั้งเป็นลวดลายต่างๆ เพื่อความสวยงาม รวมถึงประโยชน์ด้านอื่นๆ เช่นการลดรังสีอุลตร้าไวโอเลต หรือการสร้างความเป็นส่วนตัวข้อแนะนำในการเลือกสินค้าหากต้องการรักษาความปลอดภัยจากเศษกระจกอย่างเดียวควรเลือกฟิล์มนิรภัย หากต้องการรักษาความปลอดภัยจากเศษกระจกและลดความร้อนควรเลือกฟิล์มนิรภัยที่มีส่วนผสมของโลหะหรือติดตั้งฟิล์มลดความร้อนทับอีกชั้น (ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ) หากต้องการลดความร้อนอย่างเดียวควรเลือก Building Films โดยพิจาณาถึงระดับความเข้มของฟิล์มตามต้องการ หากเป็นโชว์รูมหรือสำนักงานที่ต้องการโชว์ภายในแต่ต้องการฟิล์มกรองแสงที่สามารถลดความร้อนได้สูงแต่ต้องมีความใสหรือแสงส่องผ่านได้เยอะ

สิ่งที่น่ารู้เกี่ยวกับการติดตั้งฟิล์มอาคาร
1.ฟิล์มกรองแสงส่วนใหญ่เป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติพิเศษทางด้านการมองเห็น เช่น ในช่วงกลางวันหากเรามองจากภายนอกจะมองไม่เห็นภายในหรือเห็นแค่ลางๆ (ขึ้นอยู่กับระดับความเข้มของฟิล์ม) แต่ในช่วงกลางคืนหากเปิดไฟภายในเมื่อมองจากภายนอกจะสามารถมองเห็นภายในได้ คือ ด้านที่มืดกว่าจะสามารถมองเห็นด้านที่สว่างกว่าได้
2.การติดฟิล์มนิรภัยมีส่วนช่วยให้การแตกตัวของกระจกลดน้อยลงบ้าง แต่ในกระจกบางประเภทหากติดฟิล์มที่มีสีเข้มเข้าไป จะเป็นตัวเพิ่มอัตราการแตกของกระจกมากขึ้น เกิดจากความร้อนที่สะสมอยู่ที่ฟิล์มและกระจกนั่นเอง
3. ฟิล์มบางชนิดบางยี่ห้อเป็นฟิล์มชนิดย้อมสีหรือสีในกาว เมื่อนำไปติดที่กระจกอาคารโดยเฉพาะด้านที่ถูกแสงแดดมากๆ จะมีการซีดจางของเนื้อฟิล์มเร็ว ควรพิจารณาก่อนในการตัดสินใจติดตั้ง

ข้อควรปฎิบัติในการดูแลรักษาฟิล์มกรองแสงหลังจากติดตั้ง

1. ห้ามเลื่อนกระจกขึ้น - ลง หรือ เช็ด ถูฟิล์ม ภายใน 7 วัน หลังจากติดตั้ง เนื่องจากกาวของฟิล์มกรองแสงจะใช้ระยะเวลาในการอยู่ตัว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อม เช่น การถูกแสงแดด ควรจะรอให้ครบระยะเวลาก่อนจึงเลื่อนหรือเช็ดกระจกได้
2. หากมีปัญหาอื่นใด เช่น มีฟองอากาศ หรือ ฟิล์มอ้า ฯลฯ ให้รีบติดต่อศูนย์บริการภายในระยะเวลารับประกัน
3. ในการทำความสะอาดฟิล์มกรองแสง ควรใช้ผ้าสะอาด ผ้านุ่มหรือฟองน้ำ ร่วมกับน้ำยาทำความสะอาดฟิล์ม เพื่อกำจัดคราบมัน และไม่ควรนำวัสดุที่ลักษณะเป็นของแข็งหรือผิวไม่เรียบเช็ดถูที่กระจกเป็นอันขาด
4. ห้ามใช้น้ำยาเช็ดกระจกหรือสารเคมีที่มีส่วนประกอบของแอมโมเนีย ( NH4) เพราะอาจทำให้ ชั้นกันรอยของฟิล์มเสียหายได้
5. ควรหมั่นดูแลรักษาร่องกระจก ไม่ให้มีเศษทรายหรือก้อนกรวดค้างอยู่ในราง เพราะจะทำให้ฟิล์มกรองแสงเกิดความเสียหายได้

การทดสอบฟิล์มกรองแสง

ท่านผู้อ่านเชื่อไหมครับว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นต่างประเทศหรือบ้านเรา ไม่ค่อยจะมีความรู้ความเข้าใจแท้จริง เกี่ยวกับคุณสมบัติของฟิล์มกรองแสง ประกอบกับผู้ประกอบการส่วนมากไม่ค่อยจะสนใจเรื่องเกี่ยวกับการให้มาตรฐานที่ถูกต้องแท้จริง ในคุณลักษณะสินค้าฟิล์มกรองแสงกับผู้บริโภค
ทั้งนี้อาจเป็นเพราะประเทศเราไม่มีกฎหมายหรือมาตรฐานที่เป็นทางการ ที่จะเป็นตัวควบคุมการบอกคุณภาพของฟิล์มกรองแสง(Performance Properties of Window Film) ทำให้ผู้ประกอบการ(บางราย) ก็เขียนเอาเองแบบผิดๆถูกๆ จนผู้บริโภคเข้าใจผิด หรืองงจนไม่รู้เรื่องเอาเลย เวลาจะซื้อจะขาย หรือเลือกใช้ ก็มักจะเพียงดูยี่ห้อที่ตัวรู้จัก ราคาถูกบ้าง ของแถมบ้าง เป็นต้น
จริงๆแล้วการที่จะทำให้ผู้บริโภค หรือร้านค้าจำหน่ายติดตั้งเกี่ยวกับฟิล์มกรองแสงได้รับรู้ถึงคุณสมบัติ เช่น การลดความร้อนรวม(จากแสงแดด), การป้องกันรังสีอุลตร้าไวโอเลต, การลดคลื่นความร้อน(infrared) รวมถึงค่าการสะท้อนแสงของแผ่นฟิล์ม ตามที่กำหนดไว้ในข้อมูล คุณสมบัติ(Specification) ที่ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้ากำหนดไว้ก็ดี สามารถที่จะใช้เครื่องมือวัด(Test Meter) วัดแผ่นฟิล์มกรองแสง(ก่อนติดตั้ง) หรือวัดแผ่นฟิล์มรวมกระจก หลังการติดตั้งกับรถ,อาคาร ได้อย่างไม่ยากเย็น ทำให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจได้ว่า ได้สินค้าที่มีคุณสมบัติดีจริงตามที่ต้องการ และยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการวัดเปรียบเทียบกับสินค้าแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อได้
ก่อนที่จะเข้าสู้รายละเอียดเกี่ยวกับเครื่องมือต่างๆตลอดจนวิธีการอ่านค่า ผมขอบอกกล่าวถึงพื้นฐานคุณสมบัติของฟิล์มกรองแสง ว่าเข้าจะดูค่าอะไร? เพราะอะไร? มาเริ่มกันเลยครับ
วัตถุประสงค์สำคัญของการเลือกใช้ฟิล์มกรองแสง มี 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ
เพื่อป้องกันความร้อนจากแสงแดด รวมถึงการลดแสงจ้า รังสียูวี(Solar Control) โดยจะพิจารณาคุณสมบัติของการควบคุมคลื่นรังสีต่างๆของแสงแดด เพื่อป้องกันกระจกแตก กระจกหลุดร่วงเมื่อเกิดอุบัติเหตุ(Safety & Security) โดยคุณสมบัติหลักจะดูคุณภาพของความทนทานของเนื้อฟิล์ม,การยึดติดกับกระจก เรียกรวมๆว่าคุณสมบัติด้านฟิสิกส์(Physical Properties) บางครั้งผู้บริโภคก็มีวัตถุประสองทั้ง 2 ส่วนรวมกันก็ได้ การที่จะดูคุณสมบัติตามวัตถุประสงค์ ข้อแรก สามารถใช้เครื่องมือจากห้องปฏิบัติการ(Laboratory) ซึ่งอันนี้ต้องให้สถาบันและผู้เชี่ยวชาญทำการทดสอบให้ตามมาตรฐาน(Standard Method) กำหนดไว้ และปัจจุบันก็มีเครื่องมือทดสอบลำดับ Commercialหรือ Personal Use ได้แล้ว แต่ใน คุณสมบัติตามวัตถุประสงค์ข้อ 2 ปัจจุบันสามารถทำการทดสอบจากห้องปฏิบัติการ(Lab) เท่านั้น
ในส่วนของคุณสมบัติการลดความร้อน,รังสียูวี,รังสีอินฟราเรด และการสะท้อนแสงของแผ่นฟิล์มนั้น ในระดับการทดสอบของร้านค้าที่ให้บริหาร หรือบุคคลก็มีเครื่องมือทดสอบ ทั้งที่ได้มาตรฐาน และยังไม่ได้มาตรฐาน แต่ก็พอที่จะใช้งานได้ระดับหนึ่ง เพียงแต่ยังไม่ค่อยที่จะเป็นที่แพร่หลายนักในประเทศที่ยังไม่ค่อยพัฒนาตามที่กล่าวข้างต้น
ระดับการทดสอบคุณสมบัติของฟิล์มกรองแสง และฟิล์มประเภทอื่นๆ โดยทั่วไปทำกัน 2 ระดับ คือ
ระดับทอดสอบทางห้องปฏิบัติการ(Laboratory Test): การทดสอบในระดับนี้ สามารถทำได้กับทุกคุณสมบัติของแผ่นฟิล์มทั้งทางด้านแสง (Optical Properties) และด้านกายภาพ (Physical Properties) ด้วยมาตรฐานและวิธีการทดสอบตามสถาบันต่างๆ เช่น ASTM,JIS,ANSI เบื้องต้นการทดสอบก็จะทำในกลุ่มของโรงงานผู้ผลิตสินค้าที่ได้มาตรฐาน รวมทั้งห้องแลบที่อยู่ในประเทศไทย เช่น กรมวิทยาศาสตร์บริการ(กระทรวงวิทยาศาสตร์) หน่วยงานทดสอบของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง เช่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เป็นต้น หรือตามห้องแลยที่มีชื่อเสียง และเป็นที่ยอมรับทั่วโลก เช่น PSB LAB ประเทศสิงคโปร์,Intertek Testing Service ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อทดสอบจนได้ผลแล้วผู้ผลิตหรือผู้ประกอบการก้สามารถนำมาใช้อ้างอิงกับสินค้ารายการนั้นได้ แต่อย่างไรก็ตามสินค้าที่ผลิตออกมาจะได้คุณภาพตามที่กำหนดไว้ในการทดสอบหรือไม่ ก็คงต้องขึ้นอยู่กับความสามารถของการผลิตและการควบคุมคุณภาพการผลิต(QC) ของโรงงานนั้นๆเป็นสำคัญ
ระดับทดสอบของผู้ประกอบการ(Commercial Test): การทดสอบในระดับนี้ สามารถทำได้โดยผู้นำเข้า,ผู้ให้บริการ,ผู้จัดจำหน่ายก็ได้ โดยใช้เครื่องทดสอบ(Meter) ตามทที่ผู้เชี่ยวชาญของการผลิตเครื่องได้สร้างขึ้นมา แต่อย่างไรก็ตามเครื่องมือที่จะนำมาทดสอบคุณสมบัติได้ทุกตัว และเครื่องมือทอดสอบจะต้องเป็นเครื่องมือที่ได้มาตรฐานในการวัดที่ถูกต้อง หรือผ่านการสอบเทียบ(Calibration) กับหน่วยงานหรือราชการที่เชื่อถือได้เสียก่อนจึงจะเป็นการดี ในระดับนี้ ปัจจุบันมีเครื่องมือทดสอบคุณภาพของฟิล์มกรองแสงให้เลือกใช้กันอย่าพอสมควร เช่น การทดสอบค่าการผ่านของแสงสว่าง(Visible Light Transmittion) ค่าการผ่านของรังสีอุลตร้าไวโอเลต(Ultra Violet Trasmittion) ค่าการผ่านของคลื่นรังสีอิฟราเรด(Infrared Light Transmittion) ค่าการสะท้อนของแสง (Visible Light Reflectance) หรือบางเครื่องก็มีความสามารถในการวัค่าของแสงที่ผิวฟิล์มได้ทั้งหมด เรียกว่า Photometer

1/07/2553

ฟิล์มกรองแสง HIKOOL


ฟิล์มกรองแสง Hi-Kool เป็นฟิล์มนำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นฟิล์มแห่งอนาคต เรียกว่า "สปัทเตอร์ฟิล์ม" (Sputter-Coated Metallized films) ซึ่งพัฒนาขึ้นโดยนำเอาโลหะชนิดต่างๆ มาเคลือบเป็นเนื้อเดียวกับฟิล์มทำให้ฟิล์ม มีความคงทน และกันความร้อนได้อย่างดีเยี่ยม โดยนักวิทยาศาสตร์ ได้ใช้พลังปรมาณู ยิงไปยังโลหะ ที่มีคุณสมบัติกันความร้อนสูง ภายใต้สภาพสูญญากาศ ทำให้โลหะ เกิดการแตกสภาพเป็นอะตอม ซึ่งเป็นอนุภาคเล็กที่สุด แล้วแยกตัว ลอยไปจับบนแผ่นใส Polyester ทีละอะตอม ทำให้เกิด แผ่นฟิล์มโลหะบางๆ เคลือบอยู่บน ผิวของแผ่น Polyester กลายเป็นฟิล์มกรองแสง Hi-Kool ซึ่งนอกจากกันความร้อนได้ดีเยี่ยมแล้ว ยังสามารถ ลดอันตราย จากการเกิดมะเร็งผิวหนัง และฝ้าบน ใบหน้า

ประโยชน์และคุณสมบัติของ ฟิล์มกรองแสง Hi-Kool
ลดความร้อนได้สูงสุดถึง 88% ป้องกันรังสีอุลตร้าไวโอเลต UV ได้ถึง 99% ลดแสงจ้าทำให้บรรยากาศภายในรถ หรือบ้าน-อาคาร สบายและน่าอยู่ ช่วยยึดเศษกระจกไม่ให้แตกกระจาย ช่วยประหยัดเงิน และพลังงาน ทำให้เครื่องปรับอากาศไม่ต้องทำงานหนักเกินควร ทำให้รถของท่านดูสวยงามและภูมิฐาน พร้อมทั้งให้ความเป็นส่วนตัว ให้ความปลอดภัย แก่ท่านและทรัพย์สิน

ฟิล์มกรองแสง Hi-Kool ทุกรุ่นเคลือบด้วยสารเคลือบแข็งป้องกันรอยขูดขีด ทำให้มีความคงทนให้ความปลอดภัย มีประสิทธิภาพสูงกว่าฟิล์มชนิดใดๆ ในตลาด บริษัทจึง กล้ารับประกัน ถึง 7 ปี มีชนิดและสี ให้เลือกมากที่สุดในประเทศไทย ตั้งแต่ฟิล์มใส จนถึงสีเข้ม
โครงสร้าง

ฟิล์มเคลือบละอองโลหะ


เป็นฟิล์มที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงโดยใช้วิธีทางวิทยาสาศตร์นำเอา อนุภาคของโลหะมาเคลือบไว้บนแผ่นโพลีเอสเตอร์ ทำให้สามารถสะท้อนพลังงานความร้อนได้ดียิ่งขึ้น จึงสามารถลด ความร้อน ได้ดีกว่าฟิล์มย้อมสีมาก อายุการใช้งานนานกว่าประมาณ 5 - 7ปี กาวและโพลีเอสเตอร์มีคุณภาพดีกว่า ราคาสูงกว่า
ดูตัวอย่างเเละสั่งซื้อฟิล์มเคลือบละอองโลหะได้ที่ http://www.vctechfilm.com/factory.html

ฟิล์มกรองแสง Lamina



จากก้าวแรก ภายใต้การริเริ่มของทีมงาน ผู้ก่อตั้งผสานความมุ่งมั่นตั้งใจ จากการศึกษาและสำรวจความต้องการของตลาดฟิล์มกรองแสงเมืองไทยอย่างเป็นระบบ ทำให้ทีมงานตัดสินใจก่อตั้ง บริษัท เทคโนเซล(เฟรย์) จำกัด ขึ้นอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2538 ในฐานะบริษัทผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์ ฟิล์มอาคาร ฟิล์มนิรภัย ฟิล์มตกแต่ง และอุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้ในการติดตั้งฟิล์ม ที่นำเข้าจากโรงงานผู้ผลิตฟิล์มยักษ์ใหญ่ในอเมริกาโดยตรง ที่มีประสบการณ์กว่า 50 ปี
ในฐานะ 1 ใน 3 โรงงานผู้ผลิตฟิล์มกรองแสงที่ใหญ่ที่สุดของโลก ที่เป็นผู้เริ่มต้นพัฒนาขบวนการผลิตฟิล์มกรองแสงมาตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1950 จนถึงปัจจุบัน ได้รับการรับรองคุณภาพจากสถาบันระดับโลก AIMCAL , ASTM , ASHRAE และ IWFA ให้เป็นผู้นำเทคโนโลยีฟิล์มกรองแสงที่ได้มาตรฐานและทันสมัยที่สุด พร้อมมาตรฐานการผลิต ISO 9001 และสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้ตลาดฟิล์มกรองแสงเมืองไทย อาทิ นำเสนอความแตกต่างในการทดสอบฟิล์มด้วยแสงแดดและสปอตไลท์ กลยุทธ์จำหน่ายฟิล์มคุณภาพสูงสุดในราคาที่เป็นธรรม ซื่อตรงและจริงใจ พร้อมด้วยทีมบุคลากรผู้เชี่ยวชาญระดับมืออาชีพ และศูนย์ตัวแทนจำหน่ายและติดตั้งอย่างเป็นทางการกว่า 270 แห่งทั่วไทย ที่ได้รับการฝึกอบรมขั้นตอนและเทคนิคพิเศษในการติดตั้งที่ทันสมัยเป็นประจำสม่ำเสมอ
ด้วยเครื่องมือที่ได้มาตรฐาน มีการให้ข้อมูลความรู้ที่ถูกต้อง พร้อมให้บริการดูแลภายหลังการติดตั้งด้วยทีมงานคุณภาพ จนทำให้บริษัทเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งและได้รับการต้อนรับจากร้านค้าและผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว ให้เป็นผู้นำตลาดฟิล์มกรองแสงระดับพรีเมี่ยม จนวันนี้บริษัทยังยึดมั่นที่จะก้าวต่อไป เพื่อนำความพึงพอใจสูงสุดมามอบให้กับผู้บริโภคในฐานะ "ผู้เชี่ยวชาญด้านฟิล์มกรองแสงทุกประเภทระดับโลก"

1/06/2553

ข้อควรปฎิบัติในการดูแลรักษาฟิล์มกรองแสงหลังจากติดตั้ง

1. ห้ามเลื่อนกระจกขึ้น - ลง หรือ เช็ด ถูฟิล์ม ภายใน 7 วัน หลังจากติดตั้ง เนื่องจากกาวของฟิล์มกรองแสงจะใช้ระยะเวลาในการอยู่ตัว
ขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อม เช่น การถูกแสงแดด ควรจะรอให้ครบระยะเวลาก่อนจึงเลื่อนหรือเช็ดกระจกได้
2. หากมีปัญหาอื่นใด เช่น มีฟองอากาศ หรือ ฟิล์มอ้า ฯลฯ ให้รีบติดต่อศูนย์บริการภายในระยะเวลารับประกัน
3. ในการทำความสะอาดฟิล์มกรองแสง ควรใช้ผ้าสะอาด ผ้านุ่มหรือฟองน้ำ ร่วมกับน้ำยาทำความสะอาดฟิล์ม เพื่อกำจัดคราบมัน และไม่ควร
นำวัสดุที่ลักษณะเป็นของแข็งหรือผิวไม่เรียบเช็ดถูที่กระจกเป็นอันขาด
4. ห้ามใช้น้ำยาเช็ดกระจกหรือสารเคมีที่มีส่วนประกอบของแอมโมเนีย ( NH4) เพราะอาจทำให้ ชั้นกันรอยของฟิล์มเสียหายได้
5. ควรหมั่นดูแลรักษาร่องกระจก ไม่ให้มีเศษทรายหรือก้อนกรวดค้างอยู่ในราง เพราะจะทำให้ฟิล์มกรองแสงเกิดความเสียหายได้

กฎหมายฟิล์มกรองแสง

ณ ปัจจุบันนี้ไม่มีกฎหมายควบคุมความเข้มของฟิล์มกรองแสงรถยนต์ คิดในแง่ดีเราได้รับความปลอดภัย
จากการมองเห็นจากบุคคลภายนอก แต่ในแง่ร้าย มีคนที่ใช้ประโยชน์จากการแอบแฝงตัวเพื่อก่ออาชญากรรม
โดยรถยนต์ แต่เรื่องนี้ก็เป็นมุมมอง 2 ด้าน ซึ่งในทางกฎหมายจริงๆแล้วที่กระจกบานหน้าสามารถติดฟิล์มกรองแสง
หรือสติ๊กเกอร์เพื่อป้องกันแสงแดดได้ไม่เกินเศษ 1 ส่วน 4 ของกระจก แต่สืบเนื่องจากบ้านเราเป็นเมืองร้อน
ทางเจ้าหน้าที่จะเข้าใจและอนุโลมให้ติดตั้ง ฟิล์มกรองแสง แบบเต็มบานได้ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็จะใช้ดุลยพินิจ เช่น
ติดฟิล์มกรองแสง แบบเต็มบานแต่ใช้ ฟิล์มกรองแสง ที่มีความทึบมากจนเกินไป เป็นต้น ดังนั้นฟิล์มกรองแสงแบบ
บานหน้าเต็มบานควรเลือกใช้ฟิล์มกรองแสงที่ไม่ทึบแสงมากและไม่ควรสะท้อนแสงจนเกินไป ฟิล์มกรองแสง
กับกฎหมายว่าด้วยเรื่องปรอทหรือการสะท้อนแสง การสะท้อนแสงของ ฟิล์มกรองแสง ก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง
ซึ่งทำให้ผู้บริโภคหลายท่านต้องเสียค่าใช้จ่ายในการลอกและติดตั้ง ฟิล์มกรองแสง กันมาบ้าง ซึ่งจริงๆแล้ว
ไม่มีกฎหมายที่ควบคุมการสะท้อนแสงของฟิล์มกรองแสงว่าควรจะสะท้อนไม่เกินกี่เปอร์เซ็นต์ ประกอบกับทาง
เจ้าหน้าที่เองก็ไม่ได้มีความพร้อมทางด้านเครื่องไม้เครื่องมือที่จะทำการวัดค่าการสะท้อนของฟิล์มกรองแสง
ตรงนี้เองทำให้เกิดความสับสนเป็นอย่างมาก ซึ่งจริงๆแล้วการสะท้อนแสงนั้น หากท่านสังเกตรถยนต์ที่ไม่ได้ติดตั้ง
ฟิล์มกรองแสง เช่น รถแท็กซี่ ในบางเวลาที่แสงแดดทำมุมกับกระจก ก็สามารถสะท้อนเข้าตา รบกวนผู้อื่นได้อยู่แล้ว
ดังนั้น ฟิล์มกรองแสงที่มีความสะท้อนของโลหะ ก็ไม่ได้เป็นปัจจัยหลักของการสะท้อนแสง แต่ก็มีรถยนต์ บางคัน
นำฟิล์มกรองแสงบางประเภทซึ่งใช้สำหรับในการติดตั้งอาคาร ซึ่งฟิล์มกรองแสงประเภทนี้จะมีค่าการสะท้อนแสงสูง
มาติดตั้งในรถยนต์ ซึ่งก็แล้วแต่ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ ซึ่งในเรื่องของดุลยพินิจของการสะท้อนแสงนี้ รวมถึงเรื่อง
กันชน กรอบป้ายทะเบียนหรืออุปกรณ์อื่นใดที่ติดตั้งบนตัวรถแล้วรบกวนการมองเห็นของผู้อื่น ทางเจ้าหน้าที่
สามารถใช้ดุลยพินิจในส่วนนี้ได้ในการจับกุม

ประโยชน์ของการติดฟิล์มกรองแสง

1.ช่วยลดความร้อน ฟิล์มกรองแสงที่ดีสามารถลดความร้อนได้ถึง 30-80%

2.ป้องกันผิวหนังและดวงตา โดยการติดฟิล์มกรองแสงสามารถลดรังสีอัลตร้าไวโอเลตหรือยูวีได้กว่า 99% ซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งผิวหนังและต้อกระจก

3.ลดการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ฟิล์มกรองแสงที่ดีจะสามารถยึดกระจกไม่ให้แตกกระจายเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ทำให้ปลอดภัยจากความคมของเศษกระจก หรือเศษจากกระจกนิรภัย กระเด็นเข้าตา

4.เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ การติดฟิล์มกรองแสงสามารถลดแสงจ้าจากดวงอาทิตย์, แสงไฟจากรถที่วิ่งสวนทาง ทำให้ช่วยเพิ่มวิสัยทัศน์ในการขับขี่ที่ดีขึ้น

5.สร้างความเป็นส่วนตัวและปลอดภัย การติดฟิล์มกรองแสงที่มีความทึบแสงจะช่วยบดบังผู้ประสงค์ร้ายภายนอก และบดบังทรัพย์สินภายใน

6. การติดฟิล์มกรองแสงจะช่วยปกป้องรถคุณ ไม่ให้อุปกรณ์ภายในรถไม่ว่าจะเป็นแผงหน้าปัด, คอนโซน, พวงมาลัย ฯลฯ ซีดจางและแตกร้าวเร็ว

7. ประหยัดพลังงาน การติดฟิล์มกรองแสงที่ดีสามารถช่วยประหยัดพลังงานและลดภาวะโลกร้อนได้ โดยการป้องกันความร้อนที่เข้ามาในตัวรถ ทำให้ระบบปรับความเย็นในรถ ทำงานน้อยลงจึงเป็นการช่วยประหยัดพลังงาน รวมถึงค่าดูแลรักษาระบบปรับความเย็นอีกด้วย

ประเภทของฟิล์มกรองแสง

ฟิล์มธรรมดา คือฟิล์มที่ไม่มีส่วนผสมของโลหะหรือสารอื่นใดที่ช่วยในการลดคลื่นรังสีความร้อน โดยจะมีโครงสร้างการผลิตอยู่คร่าวๆ 2 แบบคือ
1ชนิดสีผสมกาว (Color in adhesive)
2ชนิดสีอยู่ในเนื้อฟิล์ม (Color in P.E.T.)


ฟิล์มปรอท หรือ ฟิล์มเคลือบโลหะ และฟิล์มลดความร้อน คือฟิล์มที่นำโลหะเข้ามาเป็นส่วนผสมในการผลิต
โดยในปัจจุบันที่นิยมใช้มีอยู่ 2 ชนิดด้วยกันคือ
1ชนิดสีผสมกาวเคลือบด้วยแผ่นโลหะ (Color in adhesive with Metalized P.E.T.)
2 ชนิดสีอยู่ในเนื้อฟิล์มเคลือบด้วยแผ่นโลหะ (Color in P.E.T. with Metalized P.E.T.)


ฟิล์มอินฟราเรด (Infrared Film) เป็นฟิล์มชนิดที่เคลือบสารพิเศษในการไปตัดรังสีอินฟราเรดได้ดี ซึ่งรังสีอินฟราเรดเป็นส่วนประกอบหนึ่งของความร้อน (ดูการลดความร้อนของฟิล์มในช่วงต่อไป) แต่จากการโฆษณาทำให้ผู้บริโภคหลงเชื่อว่าสามารถลดความร้อนได้ดี โดยใช้ตัวเลขในการลดรังสีอินฟราเรดเป็นตัวโฆษณาและมีราคาที่สูงมาก ทำให้ตลาดไม่ค่อยตอบรับเท่าที่ควร แต่ในปัจจุบันมีสินค้าประเภทนี้ที่มีราคาถูกลงให้ได้เลือกกันมากขึ้น
ฟิล์มนิรภัย (Safety Film) เป็นฟิล์มชนิดที่มีความหนาตั้งแต่ 4 MIL ขึ้นไป (1 MIL = 1/1000 นิ้ว)
มีทั้งชนิดลดความร้อนและไม่ลดความร้อน ส่วนมากจะใช้ในงานอาคารสูงเพื่อยึดกระจกไว้เวลากระจกแตก

6/09/2550

การลอกฟิล์มกรองแสงรถยนต์


การลอกฟิล์มกรองแสงรถยนต์ (ทีละขั้นตอน)


















1.เลื่อนกระจกรถยนต์ ลงเล็กน้อย ประมาณ 1/4 นิ้ว















2.ใช้ปืนเป่าลมร้อน เป่าที่ตัวฟิล์มเก่า เพื่อใช้ความร้อน ละลายกาวที่อยู่ด้านใน














3.ใช้ใบมีดcutter แซะที่ด้านบนของฟิล์มเพื่อดึงออกจากกระจก














4.ดึงฟิล์มเก่าออก พร้อมใช้ปืนเป่าลมร้อน เป่าเพื่อให้กาวด้านในได้รับความร้อน


5.เมื่อดึงฟิล์มเก่าออกให้ใช้น้ำยาลอกกาว พ่นใส่คราบกาวที่เหลืออยู่ บนกระจก แล้วทิ้งไว้สักพัก คราบกาวจะอ่อนตัวลง


6.ทำการลอกบานถัดไป ด้วยวิธีการที่เหมือนกัน จนครบทุกบาน
7.เมื่อฉีดน้ำยาลอกไว้ประมาณ 7 นาที ค่อยใช้ปืนเป่าลมร้อน เป่าอีกครั้ง


8.สำหรับบานที่ลอกไม่ออก หรือลอกยาก ให้นำผ้ามาคลุมไว้ด้านล่างเพื่อไม่ให้ กาวไหลลงมาเลอะเทอะ ด้านใน ของรถยนต์ 


9.ใช้ถุงขยะสีดำ ตัดตามขนาดกระจกรถยนต์

10 จนได้แผ่น เท่าขนาดกระจก โดยการทำแบบด้านนอก



11. ฉีดน้ำยาลอก  ลงบนแผ่นฟิล์ม ให้ทั่ว แล้วแปะทับด้วยถุงดำ 














12 นำไปตากแดด ร้อนๆ เป็นระยะเวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง น้ำยาลอกจะค่อยๆซึมเข้าไปละลายกาวที่อยู่ด้านใน

13.เมื่อทิ้งไว้นานครบเวลา 1-2ชั่วโมง ค่อยลอกฟิล์มออกมา จะสามารถลอกออกได้อย่างง่ายดาย 

14.เมื่อลอกฟิล์มออก ก็ใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดปกติ











วิธีติดตั้งฟิล์มกรองแสง อาคาร

วิธีติดตั้งฟิล์มกรองแสง อาคาร 

1.วัดขนาดบานกระจกที่จะติดตั้งฟิล์ม  จากนั้นตัดฟิล์มให้เลยขนาดบานกระจก มาประมาณ 1-2 นิ้ว
















2.ทำความสะอาดพื้นผิวกระจกที่เราจะติดตั้งฟิล์มกันความร้อน ในกรณีที่มี คราบกาว  หรือ สิ่งสกปรก   ที่ติดแน่น ให้ใช้น้ำยาลอกฟิล์ม(ใส่ป๊อคกี้ฉีดน้ำ)ช่วยในการทำความสะอาด และใช้ด้ามขูดกระจก ที่มีใบมีดช่วย แซะคราบสกปรก ให้ออกไปอย่างง่ายดาย   นำน้ำยาติดฟิล์มเข้มข้นมาผสมน้ำเปล่า ให้พอลื่น ใส่ในขวดป๊อกกี้ ฉีดน้ำยาลงบนกระจก















3.แกะแผ่นพลาสติกใส ออกจากแผ่นฟิล์ม แล้วฉีดน้ำยา ให้ทั่วแผ่นฟิล์ม(ด้านที่มีความเหนียว)

















4.แปะแผ่นฟิล์มลงบนกระจก โดยวางฟิล์มให้เลยขอบกระจกมาเล็กน้อย 














5.ใช้ยางรีดน้ำสีดำ รีดไล่น้ำที่อยู่ระหว่าง ฟิล์มกับกระจกออก















6.ใช้cutter ตัดฟิล์มให้พอดีกับขอบกระจก โดยใช้เกรียงพลาสติกสีน้ำเงินเป็นตัวดันให้เข้า  กับขอบกระจก แล้วนำเกรียงห่อด้วยกระดาษซับน้ำ รีดไล่น้ำตามขอบที่กรีดให้แห้ง 
















22222